เรื่องเสียว ตำนานแห่งหุบเขาคอหงส์


เรื่องเสียว ตำนานแห่งหุบเขาคอหงส์
สายหมอกขาวละเอียดเรี่ยราย ทิวยอดไม้ยางพาราเป็นริ้วสาย ดุจสายน้ำไหลหลาก ลาก

จากห้วงสวรรค์นำพาความชื่นฉ่ำลื่นรินหลั่งโลมสู่พื้นพิภพ…ยามรุ่งอรุณใกล้มาเยือน

ยังมืดครึ้มเพราะสุริยายังไม่เยี่ยมกรายโผล่พ้นทิวเขา มีเพียงประกายแสงเลือนรางจับขอบ

เมฆที่เกาะกลุ่มดำมืดเป็นเงาทะมึนอยู่บนฟากฟ้า…
หยดหยาดน้ำค้างผุดพราวเกาะกิ่งใบไม้และยอดหญ้าส่องประกายล้อแสงเรืองระยิบระยับ

งามตาดุจอัญมณีแห่งธรรมชาติ ระเหยเหิดไอเย็นสะท้านไหวสู่ผิวพื้นเหนือแผ่นดิน…ทุก

สรรพสิ่งล้วนยังคงสงบเงียบรอเวลาที่จะตื่นฟื้นขึ้นมาพร้อมกับแสงตะวันที่ใกล้เวลาโผล่

พ้นทิวเขาคอหงส์ในอีกไม่นานนัก…
เสียงฝีเท้าวิ่งเหยาะย่างมาตามทางเดินสีแดงมอ เลาะขอบรั้วศรีตรังฝั่งศูนย์วิจัยยางพาราอัน

เป็นกิจวัตรประจำวันของชางมหาลัยบางคน ทึ่ลุกขึ้นก่อนไก่โห่ออกวิ่งจ๊อกกิ้งลัดเลาะไป

รอบๆ มหาวิทยาลัยที่มีอาณาเขตกว้างขวางบ้างก็วิ่งลัดเลาะไปตามคันขอบอ่างเก็บน้ำที่

สร้างเป็นถนนทอดยาวไปยังหมู่บ้านคณาจารย์ บ้างก็วิ่งไปตามถนนที่ลากตัดผ่านไปตาม

ตัวอาคารคณะวิชาต่างๆ ที่ตั้งแยกห่างจากกันเป็น อิสระและสัดส่วนและก็มีบ้างไม่กี่คนที่

ข้ามเขตรั้ว ออกไปนอกวิทยาเขตเข้าไปวิ่งเลาะตามทางเดินดินในศูนย์วิจัย …เพื่อเข้าไป

สัมผัสบรรยากาศร่มรื่นของพืชพันธ์ไม้ยามเช้าอย่างเต็มอิ่ม
หลิน…นักศึกษาสาวน้องใหม่คณะพยาบาลหนึ่งในไม่กี่คนที่กล่าวถึง เธอรักที่จะสัมผัส

ความอ่อนโยนจากธรรมชาติและรับพลังอันบริสุทธ์ยามเช้าเข้าสู่กายที่อวบอัดแน่นเนียน

ด้วยวัย 18 ที่กำลังเต็มอิ่ม เธอชอบความสงบเงียบและสันโดษ เธอจึงมักตื่นก่อนหน้าคนอื่น

และ ออกวิ่งตามลำพังในเขตสวนยางพาราของศูนย์วิจัย ซึ่งปลอดคน และเช้านี้ก็เช่น

กัน…
เธอยืนก้มศีรษะ กดมือค้ำเข้าทั้งสองข้าง บั้นท้ายเอนพิงต้นยางพารา หายใจหอบเหนื่อย

จากการวิ่ง เหงื่อไหลไคลย้อยเหงื่อผุดพราวไปทั่วกาย เสื้อยืดสีขาวแขนกุดและกางเกงขา

สั้นเปียกชุ่มรัดร่างเน้นรูปร้างที่สมบูรณ์สมส่วนด้วยวัยสาว ส่วนที่เว้าส่วนที่นูนจึงเห็นชัด

เป็นรูปร่าง ราวกับประติมากรรมชั้นเลิศ เธอเงยหน้าขึ้นไปมองหมู่เพื่อนๆ ร่วม มหาลัย ที่

กำลังวิ่งเลาะไปเรื่อยๆตามทางขอบอ่างกักเก็บน้ำของมหาวิทยาลัย ทึ่อยู่สูงขึ้นไปจากแนวรั้ว
ท้องฟ้ายังคงมืดครึ้ม ทั้งๆที่ฟ้าเริ่มมีแสงเลือนรางของอาทิตย์อุทัยแล้ว วิ่งเป็นเพราะว่ากลุ่ม

เมฆฝนที่เคลื่อนตัวมาบดบังเบียดแน่นแผ่นฟ้า ยากที่แสงสุริยาจะส่องฟ้า อันเป็นปกติวิสัย

ของแดนดินถิ่นใต้เมืองสะตอขึ้นชื่อ ซึ่งมักจะมีฝนหลงฤดูอยู่บ่อยๆ แม้นในขณะนี้จะเป็น

ช่วงฤดูร้อนก็ตามที
หลิน เหยียดตัวขึ้นขยับกายออกท่าบริหารเบาๆ พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด เพื่อขับ

ไล่ความอ่อนล้าเมื่อยขบ ฉับพลันทันใดเธอก็มีอันสะดุ้งเฮือก เมื่อมีใครคนหนึ่งพุ่งปราด

พรวดพราดเข้ามารวบตัวเธอ จากทางด้านหลัง เธอขยับปากอ้าร้องด้วยความตื่นตระหนก

ใจสุดขีด แต่มิทันที่เสียงจะหลุดรอดออกจากปากเต็มคำ ฝ่ามือใหญ่หยาบหนาก็ตะปบกด

ปิดปากเธอไว้แน่นพร้อมๆกับมีดปลายแหลมจ่อจรดกดลำคอขาวผ่องของเธอไว้จนรู้สึกเจ็บ

“เงียบนะ ! อีสาว ถ้าไม่อยากตายโหง “ เสียงกระซิบข้างหูเหี้ยมเปล่งเป็นสำเนียงท้องถิ่นขู่

สำทับเธอจนไม่กล้าขัดขืน ปล่อบให้มันกึ่งลาก กึ่งประคอง ดึงเธอลึกเข้าไปทางท้ายสวน

ยางพาราพันธ์ดีติดตีนเขาคอหงส์ซึ่งเป็นจุดปลอดคนในยามปกติ
นักศึกษาชายหญิง วิ่งเกาะกลุ่มกันเห็นอย่าลิบๆ หากเปล่งเสียงกู่ก้องตะโกนให้สุดแรงก็

อาจจะมีสักคนที่ได้ยิน แต่ตอนนี้ต่างคน ต่างตั้งหน้าตั้งตาวิ่งลงเท้าไปเรื่อยๆโดยไม่

สำเหนียกถึงเหตุอุบาทว์ที่กำลังก่อเกิดขึ้นกลางท้ายสวนยางพารา
“ ถอดเสื้อผ้าให้เกลี้ยง อีสาว “ เสียงประกาศิตจากใบหน้าเหี้ยมเข้ม แววตาดุดันคมกริบ ไว้

หนวดเสริมความกร้าวแกร่ง แต่เต็มไปด้วยรอนเกลื้อน พร้อมเป็นด่าวดวง ตัดกับผิวเข้ม

คล้ำดูโสมมเหมือนจิตใจมันในตอนนี้ ทำให้เธอไม่กล้าขัดขืน เมื่อมันเค้นเสียงขู่ตะคอก

สำทับมาอีก พร้อมแกว่งไกวมีดในมือ
“ เร็ว…”
เธอถอดเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นสีขาวมือไม้สั่น เมื่อเห็นประกายตาวาววับจับจุดขึ้นมาใน

แววตาของมัน เหลือเพียงบราเซียลายลูกไม้เนื้อบางเบาที่รัดเต้าอวบอิ่มจนปริ่มล้นและ

กางเกงในเนื้อบางจนแลเห็นตฤณชาติเป็นเงาดำ และดูจะเล็กเกินไปเมื่อเทียบกับโหนกเห

น่าเนินเนื้ออูมอวบนูนเป็นหลังเต่ากลางหว่างขาเธอ
สายตาของมันจับจ้องจุดสำคัญของความเป็นสาวในกายของเธอจนแทบถลน หลิน รู้สึก

สะท้านวูบวาบด้วยความหวาดกลัวและความอายเพราะตั้งแต่เริ่มเป็นสาว เธอไม่เคยปลด

เปลื้องเปลือยกายให้ใครได้ชม แม้กระทั่งเพื่อนหญิงที่สนิทชิดเชื้อก็ยังไม่มีโอกาสได้เห็น

แต่ตอนนี้เธอจำใจต้องยืนเปลือยร่างต่อหน้าชายแปลกหน้าที่เธอเองก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันมุ่ง

หมายพรมหจรรย์ความเป็นสาวของเธอ ความอาย…ความกลัว…ทำให้เธอยกสองมือปิด

จุดสงวนของความเป็นสาวเอาไว้ด้วยสัญชาติญาณของความเป็นหญิง แม้จะไม่มิดชิดนัก

เพราะความอวบใหญ่แต่ก็เป็นเพียงวิธีเดียวที่จะช่วยลดความพรั่นพรึงเมื่อเห็นมันกลืน

น้ำลายเหนียวลงคอและดวงตาที่ส่อแววหื่นราคะชัดเจน
“ ถอด…ถอดให้หมดอีสาว “ เสียงมันแหบสั่นพร่า อย่างควบคุมความกำหนัดไว้ไม่อยู่ สาว

น้อยนักศึกษานิ่วหน้าคล้ายจะร่ำไห้เมื่อรู้ว่าเธอไม่มีทางที่จะขัดขืนต่อเหตุการณ์อันเลวร้าย

ที่สุดในชีวิตที่กำลังจะเกิดเธอค่อยๆ ปลดชุดชั้นในออกอย่างช้าๆ เพียงหวังว่าจะมีใครผ่าน

มาพบเหตุการณ์ก่อนที่มันจะสายเกินไป แม้จะเป็นความหวังเลือนรางเหมือนคนใกล้จะ

จมน้ำ ขอเพียงมีเศษฝางสักเส้นลอยผ่านมาก็คงจะไขว่คว้า…
เธอเงยหน้าขึ้นมา หลังจากปลดเปลื้องปราการด่านสุดท้าย แล้วก็ต้องผงะมีอันตะลึงพรึง

เพริดเมื่อพบว่า…มันปลดเสื้อม่อฮ่อมและกางเกงขาก๊วยที่สวมใส่เปลือยตัวเองเรียบร้อย

แล้ว ท่อนเนื้อความเป็นชายกลางหว่างขาของมันชูคอยื่นยาวผงกหัวชี้ชันมาทางเธออย่าง

มุ่งร้ายคาดคะเนความยาวของมันด้วยสายตาขนาดสองมือกำยังคงเหลือมันคงยาวไม่ต่ำกว่า

แปดนิ้วเป็นแน่แท้ขาดเหลือ คงไม่เท่าไร ความใหญ่ของมันที่มันกำลังใช้มือขยับรูดอยู่

ขนาดปลายนิ้วกลางชนปลายหัวแม่มือของมันพอดี หากเป็นเธอคงกำไม่ได้รอบกับรัศมี

ขนาด หกนิ้วกว่าๆ แค่นึกคิดเธอก็สะท้านเยือกเสียววูบจากช่องท้องแล่นลิ่วขึ้นสมองเกิด

อาการสั่นเทิ้มไปทั้งร่างเกิดอาการเกร็งขมุบขมิบที่ปากโพรงหลืบสาวด้วยความแสยง
มันเดินย่างสามขุมเข้ามา…หลินผงะถอยหลังด้วยสัญชาติญาณป้องกันตัวจนแผ่นหลัง

กระทบกับต้นยางพาราที่ทีลำต้นไม่ใหญ่นัก เพราะเป็นยางพาราพันธ์ดีอายุไม่เกิน4 ปี ก่อนที่

เธอจะคิดขยับตัวทำอะไรต่อไปมันก็ปราดประชิดเข้าถึงตัว กอดกระชับรัดร่างเธอไว้ด้วย

ความหื่นกระหาย ซุกจมูกเข้าซบไซร้ซอกคอละมุนที่เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อไคล มันสูด

ดอมดมกลิ่นสาบสาวอยู่ชั่วครู่จนอิ่มเอม มันจึงตวัดปลายลิ้นไล้ไปไชชอนเข้าไปตามรูหูของ

เธอ หญิงสาวบิดเบือนเอียงคอหลีกหนีด้วยความขยะแขยงจนต้อง ห่อไหล่ หลับตาปี๋ มัน

ตามติดไล้ปลายลิ้นแผ่วๆ กระดุบกระดิบเหมือนหนอนคืบลงมาปลายติ่งหูแล้วใช้ฟัน ขบ

เม้มเนินเนื้อนุมส่วนนั้นเบาๆ จากความแขยง เปลื่ยนเป็นความจั๊กจี้ แล้วค่อยๆ แปลเปลี่ยน

เป็นความซ่าน…สยิว ชวนเคลิบเคลิ้มจนขนทั่วกายลุกชี้ชันเป้นตุ่มเป็นไต หากการกระทำ

ของมันเปลี่ยนไปเป็นการกระทำของ พี่ไก่ นักศึกษาแพทย์ รุ่นพี่ที่เป็นคนรักของเธอก้ค

งจะมีความสุขนักแต่นี่ไม่ใช่ !! … เธอจึงรู้สึกซ่านสยิวตามปฏิกิริยาของเส้นสายปลาย

ประสาทของเนื้อหนัง แต่ใจเธอมิได้ยินยอมโอนอ่อนผ่อนตามไปด้วย มันจึงเป็นความขัด

แย้งระหว่างความรู้สึกนึกคิดและเป็นการต่อสู้พันตูระหว่างความต้องการของเนื้อหนังกับ

ความถูกต้องของจริยธรรม
มันป้ายปาดป่ายปลายลิ้นเปะปะไปทั่วใบหน้ารูปไข่ของเธอ จนเปรอะเลอะเมื่อก ลื่นน้ำลาย

เหนียวของมันเป็นมันเยิ้มก่อนจะเลื่อนริมฝีปากของมันมาประกบบดจูบริมฝีปากบางสวยสี

ชมพูเรื่อของเธอแนบแน่นหนักหน่วงจนเธอรู้สึกเจ็บกลิ่นเน่าเหม็นของเศษอาหารค้างคืน

ในปากมันโชยผ่านจมูกเธอชวนสะอิดสะเอียนผะอืดผะอม จนเธอเองแทบอาเจียน เธอเม้ม

ปากแน่นเป้นเส้นตรงเมื่อมันพยายามดันปลายสอดลอดผ่านเข้าสู่ช่องปากหอมละมุนของ

เธอ อา…จูบแรกในชีวิตสาวของเธอมันช่างแตกต่างจากความวาดหวังฝันไว้โดยสิ้นเชิง
มือของมันข้างหนึ่งบีบขยำถันอวบอิ่มไว้เต็มมือ แรงนิ้วที่ขยุ้มจิกกดบีบเน้นทำให้ หลิน

สะดุ้งสะท้านร้าวรานด้วยความเจ็บปวด เหมือนมันจะสำนึกถึงความรุนแรงเกินเหตุกับ

เนื้อนุ่นเนียน มันจึงเปลื่ยนเป็นลูบไล้ ถูปลายจงอยถันให้ตื่นตจัวรับรู้ความหยาบสาก

กระด้างของฝ่ามือที่ผ่านงานหนักมานาน ชั้นเชิงโลมเล้าของมันแม้นจะพื้นๆ ไม่แพรว

พราวนักซ้ำแฝงไปด้วยความหักโหมรุนแรง ก้าวร้าว แข็ง…แต่เด็กสาวก้อดหยัดกายเกร็ง

ไหล่หดห่อด้วยความเสียวสยิวไม่ได้ เพราะความไร้เดียงสา ไม่เคยรับสัมผัสแตะต้องจาก

มือชายมาก่อน มันจึงก่อเกิดความรู้สึกแปลบปลาบจากสัมผัสที่ถูกบีบเคล้นเคล้าคลึง บดขยี้

ขยุมขยำทรวงเต้าอวบใหญ่จนบิดเบี้ยวบี้แบน
“ ใหญ่…ใหญ่จริงๆอีสาว ไม่เสียแรงดักรอมาหลายวัน “ น้ำเสียงห้าวลึกแหบพร่ารำพึงออก

มาอย่าสุดกลั้นความตื่นเต้นข้างๆ ใบหูเธอ
“ บึ๊บบั๊บ อล่างฉ่างไปหมดทั้งตัวเลย อย่างนี้แหละถึงจะเอามันส์ พับผ่า สิ !! โชคดีจริงๆ “
เสียงกระเส่าของมันสร้างความคับแค้นใจให้กับ นักศึกษาสาว เป็นอย่างยิ่ง แต่สิ่งที่เธอจะ

ทำได้ในเวลานี้ก็เพียงยืนตัวแข็งขบเขี้ยวเคี้ยวฟันปล่อยให้มันตะโบมโลมลูบบีบขยำบี้สอง

เต้าขนาด 36 นิ้วตามใจชอบ
ขาข้างหนึ่งของมันสอดแทรกเข้ามาขัดคาง่ามขาเธอไว้ ขยับงอเข่าเพียงเล็กน้อยหน้าขาที่

เต็มไปด้วยขนดกหยาบหนาของมันก็อัดโหนกเหน้าเนื้อสาวที่เปล่งอูมจนเธอต้องเขย่ง

ปลายเท้าผ่อนน้ำหนักตัวที่กดทับลงมาที่หน้าขาของมันเพื่อมิให้สัมผัสแนบแน่นสร้างความ

เสียดเสียว แต่ก็ไร้ผลเมื่อมันงอเข่ายกหน้าขาขึ้นอีก จนปลายเท้าเธอหลุดลอยขึ้นจากพื้น

น้ำหนักตัวทั้งหมดของเธอกดทับลงมาที่หน้าขาของมันเต็มที่ พอมันขยับหน้าขาขึ้นๆ ลงๆ

หน้าขาของมันจึงบดเบียดแถกถูไถโหนกเหน้าเนินเนื้ออวบหยุ่นของเธอความหยาบ ความ

สาก ของขนทิ่มแทงแยกตำร่องเนื้ออ่อน ของเธอต้องกระตุกร่างดิ้นกระแดกกระแด่วเพราะ

แสยง…คันๆ เสียวๆ …เธอพยายามหนีบขาไว้ให้แน่นเพื่อไม่ให้มันเสียด… มันสี…แต่ก็กด

หนีบได้เพียงชั่วครู่ชั่วยาม หน้าขาก้กลับถ่างอ้าออก ปล่อยให้มันถู…มันไถ…ไสเนินเนื้อ

อิ่มจนย่นยู่ยับย่น สะโพก พลอยสั่นไหวส่ายรับแรงบดเบียดด้วยความเผลอตัว พอรู้สึกตัว

เธอก็พยายามหุบขาใหม่แต่พอเผลอตัวเข้าอีกขาก็กลับถ่างอ้าออกอีก มันจึงอ้าๆ หุบๆ ขยับ

เข้า ขยับออก อยู่อย่างนั้นเพิ่มความสียวดาลใจให้แก่เธอมากยิ่งขึ้น
“ ครืน…ครืน…น..น…”
ก่อนที่อารมณ์ของสาวน้อยจะเตลิดไปไกลจนสุดจะกู่กลับ เสียงฟ้าร้องครืนครั่นเข้ามา ลม

ย็นละอองไอฝนกระโชกโบกใบไม้เสียดสีดังกราวใหญ่ หลิน พยายามบิดตัวเบี่ยงร่างส่วน

ล่างที่กำลังถูกรุกรานลวนลามหนี ทว่าดูเหมือนความพยายามของเธอจะสูญเปล่า เมื่อมัน

รุกล้ำกรายร่างของเธอมากขึ้น เธอสะดุ้งเฮือก เหมือนสายอสุนีบาตพุ่งปราดฟาดสู่ร่างเธอ

เมื่อมันซบฉกหน้าหาปลายจะงอยถันสีแดงเรื่อเผยอปาก อ้าอมดมดูดดุนเม้มดึงเป็นยางยืด

แม้เธอจะไม่มีใจไปกับการกระทำของมันแต่ร่างกายที่โดนกระตุ้นเร้าด้วยความหื่นกำหนัด

ในส่วนที่รับรู้ความรู้สึกสัมผัสอย่างว่องไว ปลายจะงอยเนื้อจึงแข็งตัวขมึงชูชันหยัดยืดยื่น

ยาวออกมาทีละนิดๆ จนรู้สึกตึงเปรี๊ยะ คัดเต้าจนเจ็บๆ เสียวๆ อันเป็นปฏิกิริยาที่เป็นไปตาม

ธรรมชาติ โดยมิพักต้องรอความยินยอมพร้อมใจ
หลิน ขบกรามแน่นจนขึ้นเป็นสันนูนเพื่อหักห้ามอารมณ์ที่เริ่มพุ่งพล่านร่านเตลิดไปกับการ

เล้าโลม ซึ่งเต็มไปด้วยความหื่น…หยาบ…และป่าเถื่อน…ปลายนิ้วของมันตวัดป้ายปาดดุน

ดันลากวนติ่งเต้าที่ลุกชันชี้เด่ยื่นยาวนั้น บางครามันก็เม้มปากคาบปลายจะงอยเนื้อดึงยืดจน

เธอผวาแอ่นอกตาม เพราะเกรงมันจะขาดติดปากไอ้บ้ากามไป และบางคราวมันก็เม้มเอา

ไว้แล้วขยับขากรรไกรล่างสั่นไหวบดบี้จะงอยเนื้อที่เริ่มแดงก่ำด้วยแรงฉีดของเลือดสาวจน

เธอสั่นเทิ้มไปทั้งร่างด้วยความสะท้าน
มันเป็นภาวะที่แสนทรมานสุดจะทนทานผืนอำนาจความรู้สึกในส่วนลึกของจิตใจที่เป็นไป

ตามสัญชาติญาณของสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์ ความสับสนที่เกิดขึ้นในจิตใจอันเกิดจากความขัด

แย้งระหว่างควาถูกกับความผิด ความเลวกับความดี ที่ได้รับการพร่ำสอนมาตั้งแต่เด็กเล็ก

อยู่จนเป็นสาวให้รักนวลสงวนพรหมจรรย์ของหญิงเอาไว้ยิ่งชีวิต แต่ในขณะนี้ร่างกายของ

เธอเร่าร้อน…เรียกร้อง…ในสิ่งที่เป็นครรลองครองธรรมของธรรมชาติ…มากขึ้น…มาก

ขึ้น…โดยเธอมิอาจห้ามปรามไม่ให้มันเกิดขึ้นได้ เมื่อถูกกระตุ้นเร้าตามจุดกระสันต์ ต่างๆ

บนเรือนร่างสาวที่ไม่เคยมีประสพการ์ณเช่นนี้มาก่อน ความสับสนที่เกิดจากความขัดแย้ง

ภายในจิตใจ ก่อให้เกิดความเครียดขมึงตึงจนเธอหูอื้อตาพร่างพราย ลมหายใจเริ่มติดขัด

เป็นห้วงๆ หอบ…แรงขึ้น…แรงขึ้น…
จนตัวโยน ปลายลิ้นเหนียวชุ่มน้ำลายของมันพลิ้วไหวไหลลื่นเลื่อนเคลื่อนต่ำลงมาตาม

แนงกึ่งกลางลำตัวสะดุดหยุดเน้นดุนตรงสะดือกลมบุ๋ม เล่นเอานักศึกษาสาวสั่นสะท้าน

เกร็งแขม่วลอนหน้าท้องไร้ไขมันไหวระริกบิดเอวหนีด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก คล้ายๆ จะ

จั๊กจี้ แต่ก็ไม่ใช่ มันให้ความซ่าน…เสียว…มากกว่า สองมือของเธอพยายามแข็งขืนผลักดัน

ศีรษะของมันให้ห่างออกจากจุดนั้น เพราเธอกริ่งเกรงว่าถ้าหากมันยังคงฉกลิ้นดุนแผ่วๆ

อยู่ที่รูสะดือของเธอ เธอจะทนกลั้นต่ออารมณืความรู้สึกที่เรียกร้องความต้องการทางเพศ

ไม่ไหว แต่กลับกลายเป็นว่าการผลักชองเธอทำให้ศีรษะของมันเลื่อนต่ำลงไปสะดุดหยุด

อยู่ที่เนินสวาทกลางหว่างขาของเธอ ที่เริ่มลื่นชื้นแฉะ
“ อึ๋ย…”
หลิน แหงนหน้าหงาย หลับตาแน่นจนคิ้วขมวดย่น เผยอปากหลุดคำอุทานออกมารเบาๆ

ในขณะที่ฟันยังคงสบขบกันแน่นเมื่อสัมผัสรับรู้ถึงปลายลิ้นนุ่มลากป่ายป้ายไปรอบๆ เนิน

เหนือร่องหลืบที่ยังคงแนบสนิท เพราะยังไม่เคยมีสิ่งแปลกปลอมอื่นใดล่วงล้ำผ่านเข้าไป

นอกเสียจากปลายนิ้วของตนเอง เมื่อเลือดสาวเรียกร้องความต้องการเป็นครั้งคราว
ปลายลิ้นที่พลิกพลิ้วของมันค่อยๆ แซะ…ค่อยๆ ดุน…ค่อยๆดัน…ป่ายตวัด…เซาะกลีบเนื้อ

หว่างสองพลุเฉาะลึกเจาะเข้าไปอย่างช้าๆ ลึกเข้าไปทุกที ๆ ๆ สองมือของมันบีบกระชับ

จับขยำแก้มก้นทั้งสองของเธอไว้แนบแน่น จนเธอหมดสิทธ์บิดก้นไถลหนี ได้แต่ยืนเกร็ง

สั่นระริกเป็นเจ้าเข้า โดยเฉาะขาซ้ายของเธอสั่นกระตุกเหยงๆจนเห็นได้ชัด เพราะฤทิธ์

ของความซ่านสียวที่ไม่เคยพานพบ โพรงเนื้อสาวจึงเต้นตุบๆ ขมิบบีบตัวรีดน้ำเมือกมัน

ปลาบซึมเยิ้มออกมาทีละนิดทีละหน่อยจนหยาดเยิ้มเปื้อนเปรอะเลอะไปทั้งซอกขาหนีบ
เดนมนุษย์แหงนหน้าเงยมองเธอด้วยสายตากระหยิ่มซี่อนยิ้มด้วยความภาคภูมิใจที่สามารถ

สร้างความเสียวซ่านให้นักศึกษาสาวจนน้ำเล็ด มันละปากที่เยิ้มไปด้วยคราบน้ำรักของ

หญิงสาวจนมันปลาบเอ่ยถามอย่างผู้กำชัยชนะไว้ในอุ้งมือมาร
“ ไง!!! อีสาว ชักเสี้ยนแล้วสิ…”
เธอสิ้นเรียวแรงที่จะโต้ตอบคารมกับมันเพราะรู้สึกอ่อนล้าจากการต่อสู้อย่างหนักหน่วง

กับความรู้สึกของตนเอง เธอเริ่มรู้สึก ท้อแท้ที่จะขัดขวางความรู้สึกต้องการที่ลุกโหมจู่โจม

เธอเป็นละลอกๆ ไม่สิ้นสุดอนุสติฝ่ายดีของเธอกำลังจะขาดอยู่รอนๆ เฮกำลังจะเป็นฝ่าย

พ่ายแพ้…แพ้ให้กับอารมณ์ ความรู้สึกของตนเอง
มันเริ่มจู่โจมสาวน้อยอีกครั้ง อย่างต่อเนื่องด้วยปลายนิ้วที่หยาบหนา สากใหญ่ ข้อนิ้วปูด

โปนเป็นปล้องๆ มันค่อยๆ ไสค่อยๆ ทิ่มชอนไช คว้านลึกเข้าไปในโพรงเนื้อที่ตีบตันจนสุด

โคนนิ้ว แล้วบิดข้อมือซ้ายที ขวาที ควงปลายนิ้วเป้นดอกสว่านคว้านเนื้อใน จนหญิงสาว

เกิดอาการเกร็งบิดเอวส่ายซ้ายที ขวาทีตามจังหวะการหมันของนิ้ว ปลายเท้าแยก แหกออก

เหยียดกายกระตุกยิกๆๆ ลมหายใจขาดเป็นห้วงๆ ไม่เป็นจังหวะ ด้วยอาการเสียดสีที่เป็น

ไปอย่างสุดระงับข่มไม่ให้เกิดเพราะลำพังนิ้วมือยาวเรียวของเธอยังเคยส่งเฮขึ้นแดน

สวรรค์ชั้นสุขาวดี มานับครั้งไม่ถ้วน แต่นี่ ทั้งใหญ่ทั้งสาก หยาบกระด้าง เวลามันเคลื่อนไหว

มันสะกิด มันครูด ผนังเนื้ออ่อนภายในโพรงสวาทให้เกิดความรู้สึกที่เสี้ยนสวาท เสียดเสียว

มากกว่าเป็นร้อนเท่า ทวีคูณ
ปลายนิ้วที่ควักคว้านชอนไช ควงไปทั่วโพรงหลืบของมันเริ่มขยับดึงออก…ดันเข้า…

เนิบๆ…ช้าๆ…ทำเอาแก้มก้นของเธอเกร็งขมิบเป็นจังหวะ สอดรับจะโคนของปลายนิ้ว น้ำ

สวาทเยิ้มพร่าเล็ดออกมานอกหลืบ เป็นฟองฟอดจนล้นไหลฉ่ำแฉะย้อยหยดแหมะๆ ลง

บนปลายลิ้นของมันที่ยื่นรองรับก่อนที่มันจะฉกปลายลิ้นตวัดใส่ติ่งเนื้อเหนือร่องธารสวาท

ที่โผล่ยื่นยืดยาวออกมา ปลายลิ้นของมันรัวใส่เหมือนหมัดนักมวยที่ซ้อมชก พันช์ชิ่งบอล

จนหญิงสาวสะกดเสียงกลั้นไว้ไม่อยู่ต้องส่งเสียงร้องครางออกมาอย่างสุดระงับอารมณ์ที่

พลุ่งพล่าน
“ …อา…อา…”
จังหวะการชักนิ้วเข้าออกของมันเร็วขึ้น…เร็วขึ้น…เสียงดังพรืดๆ เร้าใจ ยิ่งมันเร่งนิ้วทิ่ม

แทงถี่ขึ้นท่ำร เร็วขึ้นเท่าไร เธอยิ่งรู้สึกเสียดเสียวขึ้นเท่านั้น มันร้อน…มันวูบวาบ…หู

อื้อ…ตาลาย…พรายพร่า…เธอรู้สึกอ่อนล้า หมดเรียวแรงจะหยัดยืน เข่าอ่อน ทรุดฮวบ

จนต้องเอื้อมมือขึ้นเหนือศรีษะ คว้าลำต้นยางพาราที่แผ่นหลังเธอพิงพักอยู่ เธอจึงอยู่ในท่า

ย่อเข้าฉีกขากว้างจะนั่งก็ไม่นั่ง จะยืนก็ไม่ยืนในขณะที่จิตใจของเธอกำลังเคลิบเคลิ้ม ความ

รู้สึกผิดชอบชั่วดีกำลังจะล่องลอยไปกับสายลมแรงยามเช้าเธอก็มีอันสะดุ้งโหยง นิ่งหน้า

ร้องครางออกมาด้วยความเจ็บปวด
“ โอ๊ย…อูย…อย่า…ไม่…ฉันเจ็บ… “
เธอร้องอุทรณ์ต่อมันแม้จะรู้ว่าไม่มีความหมาย เมื่อไอ้เดนคน ดึงนิ้วกลางที่ปักชำเราร่อง

สวาทของเธอออก เปลื่นตำแหน่งเลื่อนต่ำลงมาที่รูทวารแล้วกดทิ่มสอดแทรกแหวกชำเรา

เข้าไปช้าๆ แต่หนักแน่น
“ เจ็บไม่เท่าไรหรอกวะ อีสาว…เดี๋ยวจะมันส์จนลืมเจ็บ แอ่นกนให้พี่สะเด่าทั้งวันละไม่ว่า “
มันปลอบด้วยน้ำเสียงหื่นกระเส่าในขณะที่นิ้วมือถูกดันฝังลึกเข้าไปเรื่อยๆสักพักมันก็

แหวกกล้ามเนื้หูรูดภายในทะลุพรวดสวนทวารเข้าไปจนมิดยันโคนนิ้วความรู้สึดอึดอัดฝืด

เจ็บที่เกิดขึ้นแต่แรกกับหญิงสาวเริ่มทุเลาเบาบางลงเมื่อมันขยับนิ้วลากถูเข้า ถูออก ช้าๆ จน

กล้ามเนื้อที่บีบรัดนิ้วเริ่มผ่อนคลาย ทุกอย่างเริ่มคล่องตัวขึ้น มันจึงชักนิ้วอัดเข้าออกราวกับ

ก้านสูบ จนหลินต้องขบกรามเคี้ยวฟันเบาๆ ในลำคอข่มความเสียวที่ประทุคุ กรุ่นขึ้นมา

เรื่อยๆ
“ อึ๋ย…อึ๋ยส์…”
ไม่ทันที่ปลายนิ้วกลางที่ฝังลึกอย่ในทวารจะถอดถอน ปลายนิ้วชี้ของมันก็ดิ่งลึกเข้าไปฝัง

ตัวในโพรงกระสันเพิ่มการจู่โจมรุกเร้าเป็น สองทาง สองด้าน เล่นเอาหลินลืมตัวไปชั่วขณะ

แอ่นสะโพกไปข้างหน้าแบะหน้าขาออกเพื่อให้การเคลื่อนไหวของนิ้วขยับถนัดถนี่ขึ้น ลึก

ขึ้นทั้งๆที่รู้ว่ามันเองก็ดันจนสุดปลายนิ้วไม่มีเหลือแล้วสาวน้อยนักศึกษาบัดเดี๋ยวสะบัดหน้า

บัดเดี๋ยวแหงนใบหน้า เผยอเผยิบปากสำลักอากาศดุจคนใกล้ขาดลม แอ่นกระเด้าสะโพก

เนิบๆ ตามจังหวะการดึงนิ้วทั้งสองที่ลากถูเข้า ถูออก ทั้งสองช่องทาง และเมื่อมันเพิ่ม

ปลายลิ้นตวัดฉกใส่ติ่งเหนือโพรงหลืบอีกครา ราวลิ้นอสรพิษ หญิงสาวก็เกร็งกระตุกสั่น

สะท้านเหมือนมีใครเอาไฟฟ้าจี้ใส่ร่างด้วยแรงดันเป็นหมื่นโวลต์ใบหน้าเธอบิดเบี้ยวเหยเก

ด้วยความทุกข์ทรมานจากการสะกดกลั้นความรู้สึกของตัวเองอย่างเต็มที่ไม่ให้มีใจไปกับ

มัน แต่เธอก็มิอาจขมิบต้านน้ำรักเยิ้มไหลเหมือนคนกลั้นปัสสาวะไม่อยู่เปล่งเสียงร้องคราง

ครวญอย่างร้าวใจ
“ โอว์…โอว์…โอ…”
.” อยากจนทนไม่ไหวแล้วใช่ไหมอีสาว…เดี๋ยวพี่จะเอาให้ดิ้นเลย…” มันพูดไปหัวเราะ

ไปอย่างผู้ชนะที่สามารถทำให้สาวน้อยนักศึกษาน้ำรักเล็ดเลอะ สวนทางกับความรู้สึกนึก

คิดอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองไม่อยู่
หลิน ไม่ได้ยินคำที่มันพูด เพราะสติของเธอเตลิดเพริดไปกับรสชาติแปลกใหม่ในชีวิต ที่

ให้ความรู้สึกเคลิบเคลิ้มล่องลอยแต่แรกมันให้ความรู้สึก หน้ามืดวูบไปสักพัก ก็มีแสง

ระยิบระยับพร่างพราวพรายเป็นดวงๆ วูบวาบอยู่ในดวงตา เหนื่อยอ่อนล้า …จากการ

กระตุ้นเกร็งจนหอบหายใจถี่นัก เหงื่อผุดพราวโทรมกายคล้ายวิ่งมาเป็นระยะทางไกล

ขณะที่สติเธอยังไม่กลับคืนมามันจับเธอพลิกกายกลับหันหน้าเข้าหาต้นไม้พร้อมจับกด

แผ่นหลังของเธอให้ต่ำลง เธอจึงอยู่ในท่าโก้งโค้งมือจับลำต้นยาพารา ซุกหัวไหล่ด้านหนึ่ง

ไว้กับลำต้นสองขาถ่างอ้าช่วยทรงตัวพยุงกาย มือหนึ่งเกาะลำต้นไม้เหนือหัว มือหนึ่งดัน

พยุงลำต้นไม้ใต้ลำตัว เธอเริ่มได้สติเหลียวหน้าหันมาดูมันที่ยืยอยูเบื้องหลังกลางหว่างขา

ด้วยความฉงนในกาสรกระทำของมันแล้วมีอันต้องเบิ่งตากว้างตระหนกสุดขีด…
“ อย่า…ยะ…โอ๊ย…”
เปรี้ยง…ยง…ง…
เสียวฟ้าคำรามกึกก้อง พร้อมๆ กับพายุฝนที่โหมกระหน่ำสาดซัดอย่างไม่ลืมหูลืมตา เป็น

ขณะเดียวกับที่ปลายท่อนเนื้อของมันถูกส่งด้วยแรงกระเด้งจากบั้นเอวพุ่งเสียบเข้าแถกทิ่ม

เข้าไปในร่องหลืบหว่างขาทีเดียวจนมิดสุดปลาย พรหมจรรย์สาวฉีกกระจุยจนเจ็บปวดร้าว

ไปทั่วช่องท้องทั้งจุก…ทั้งเสียด…เหมือนถูกลิ่มเหล็กตอกใส่จนร่างจะแยกออกเป็น

สองส่วน จะบิดร่างหนีก็สุกปัญญาเพราะสองมือของมันจับกระชับเอวคอดกิ่วของเธอไว้

แนบแน่น น้ำตาเธอพรั่งพรูออกมาประสมประสานกับหยาดฝน ด้วยความเจ็บปวด เสียใจ

เสียดายความเป็นสาวที่อุตสาห์ทะนุถนอมมาเป็นอย่างดีเพื่อรอวันเข้าหอ ลงโรง กับชายที่

ตนรัก แต่กลับต้องมาเสียเลือกสาวให้กับไอ้โจรบ้าตัณหาที่ไม่เคยรู้จักมักคุ้น เธอกัดฟัน

สะอึก สะอื้น ด้วยความคับแค้นใจที่หมดหนทางรักษาพรรมจรรย์ไว้ได้ ต้องปล่อยทุกสิ่ง

ทุกอย่างให้เป็นไปตามยถากรรม
มันทาบตัวแนบแผ่นหลังขาวนวลของเธอ สอดมือผ่านสีข้างเอื้อมไปยังปทุมถันที่ทิ้งตัว

ห้อยต่องแต่งเพราะความอวบใหญ่มันขยุ้ม…มันขยำ…มันขยี้…ขยุกขยิกจนเต้าถันเป็น

รอบปื้นผื่นแดง ส่วนท่อนลำปูดโปนด้วยเส้นเลือดทอเป็นเส้นสายของมันขยับขยุกขยิก เข้าๆ

ออกๆ ในโพรงเนื้อสาวอย่างขมีขมัน แหวกความฝืด เนิบนาบจนร่องลื่นคล่องลำ กลายเป็น

รวดเร็วรุนแรง หนักหน่วง มันกระแทก…มันกระทั้น…มันกระทุ้ง…กระเด้งจนนัก

ศึกษาสาวหัวสั้นหัวคลอนโยกไหวไปทั้งร่างต้องผวากอดลำต้นยางพาราไว้แน่น จากความ

เจ็บปวดที่เกิด ค่อยๆแปรเปลี่ยนความรู้สึกเป็นความแสบ…เสียดเสียว…ตั้งแต่เมื่อไห

รเธอเองก็ไม่รู้เธอรู้แต่ว่าตอนนี้หัวใจเธอมันวาบหวิวสยิวไปทั้วทุกรูขุมขนยิ่งกว่าตอนใช้นิ้ว
“ อ…อา…”
หญิงสาวอ้าปากหลุดเสียงครางเบาๆอย่างดาลใจ พร้อมๆ กับอนุสติฝ่ายดีของเธอขาด

สะบั้นล่องลอยหลุดไปจากร่าง ไม่มีความถูก ความผิดหลงเหลืออยู่ในใจอีกต่อไป คงเหลือ

แต่ความอยาก…ความต้องการ…กระสันต์สวาทจนร้อนร่านพล่านไปทั้งกายแม้แต่สาย

น้ำอันชุ่มฉ่ำของสายฝนก็ยังไม่อาจ กลบ ลบเลือนความร้อนร่านพล่านอารมณ์จากไฟ

ราคะในตอนนี้ได้ ยิ่งมันโหม…ยิ่งมันเน้นแรงกระทุ้งเท่าไรเธอก็ยิ่งสาแก่ใจเท่านั้น ใบหน้า

เธอบูดเบี้ยวคิ้วขมวด ปากเหยเกบ่งบอกถึงความเสียวที่แทบจะฉุดกระชากลากวิญญาณ

เธอออกจากร่าง
“ …โอ๊ว…ว…โอ้ว…โอ…ว…”
เธอร้องครางเสียงสั่นลั่นแข่งกับสายฝนที่พรั่งพรู เมื่อมันเน้นเคล้นแรงเท่าที่มีกระทุ้ง

กระทั้นถี่ยิบจนเธอรู้สึกจุก เสียว ที่สุดปลายทางตันของร่องหลืบ มันกระแทกเอา…

กระแทกเอา…อย่างไม่ลืมหูลืมตา ตะบันเอาจนร่างของ หลิน เกร็งขึ้นไปทุกทีๆ ด้วยความ

สาสะแก่ใจ จนในที่สุดโพรงหลืบสาวของเธอก็บีบตัวขมิบตอดรับท่อนเนื้อที่ฝังตัวเข้ามา

เป็นครั้งสุดท้าย
“ อ๋า…อ…อา…”
หญิงสาวแหงนหน้าร้องแรกแหกปากเปล่งเสียงจนสุดลมด้วยความเสียวเขม็งเกลียวจนสุด

ลาน พร้อมกับที่ท่อนเนื้อของมันกระฉูดกระแสธารอุ่นๆ ฉีดพุ่งปรู๊ดๆ กระทบผนังเนื้อภาย

ในช่องท้องของเธอเป็นระลอก ๆ อุ่นวาบไปทั้งช่วงท้อง ความเสียวสยิว แล่นจี๊ดๆ ระยิบ

ระยับซึมซับเข้าไปภายในผนังโพรงสวาท พุ่งลิ่วเป็นริ้วสายไปตามส่วนปลายประสาท

ต่างๆที่ไวต่อความรู้สึกเสียดเสียว จนร่างของเธอกระตุกยึกยัก นับสิบครั้ง ทุกอย่างจึงเริ่ม

ผ่อนคลายลง
ฝนซาแล้ว แต่ยังมีละอองไอตกพรำๆ หลินยังคงเปลือยร่างนอนตะแคงน้ำตาไหลพราด

หมอบอยู่บนพื้นดินฉ่ำโคลน ส่วนมันนั่งเปลือยอยู่ข้างๆ เธอวางมือลูบไล้ลงบนลอน

สะโพกที่โค้งงามเรื่อยลงมายังกลีบเนื้อที่บวมเปล่งระบมอ้ากลวงโบ๋ภายในเอ่อเยิ้มไปด้วย

หยาดใคร่ขาวข้นของมันที่มากมายจนไหลล้นออกนอก แอ่ง
“ เฮ้ย…ไอ้ห่า!!!! แอบพาเด็กมาเอาที่ท้ายสวนก็ไม่บอกกันบ้าง อุ๊บ๊ะ…บึ๊บบั๊บ ดีเสียด้วย

ขอพวกกูเอี่ยวด้วยคนนะไอ้นาจ…”
หลินผวาลุกขึ้นควานหาเสื้อผ้าเมื่อได้ยิน ได้เห็น ชายอีก 4-5 คนกำลังเดินเข้ามาแต่ช้าไป

เมื่อพวกมันรุมล้อมเข้ามาหาเธอ
“ อย่า…ช่วยด้วย…ช่วยด้วย…”
เธอร้องด้วยความกลัวตื่นตระหนกสุดขีดแต่ก้ร้องได้เพียงเท่านั้นเมื่อพวกมันเข้าถึงตัวช่วย

กันขยำขยี้ฟอนเฟ้นฟัดร่างของเธอเหมือนหมาป่ารุมกันแทะเหยื่อจนเธอรู้สึกหน้ามืดวูบ

ไป…มารู้สึกตัวอีกทีเมื่อ ร่างกายเจ้ากรรมมันกำลังส่าย…กำลังร่อน…ตอบสนองลำ

แต่ละอันที่ล้วนแต่อวบใหญ่ หลินหลั่งน้ำตา กอดรัดร่างชายคนหนึ่งที่กำลังตั้งหน้าตั้งตา

ขย่มเนื้อใส่กลางหว่าขาของเธอไว้แนบแน่น พร้อมกับหลั่งไหลหยาดเมือกลื่นเตรียมพร้อม

รับคาวใคร่อันระอุของพวกมันเข้าไปทุกหยาดหยด…ทุกช่องทาง…
เวลาผ่านมาเกือบเดือนแล้วที่หลินได้ผจญเหตุการณ์ระทึกขวัญในวันนั้น เธอไม่เคยปริปาก

แพร่งพรายให้ใครรู้ แม้กระทั่งพี่ไก่ คนรักของเธอ ทุกคนรู้แต่ว่า เธอออกวิ่งเช้านั้นแล้วเจอ

พายุฝนทำให้ป่วยหนักต้องนอนพักรักษาตัวอมไข้อยู่กว่าอาทิตย์ ริ้วรอยบาดแผลทางกาย

ทางเนื้อหนังของเธอได้เลือนหายไปแล้ว ก็มีแต่ช่องหลืบที่เผยอ อ้ากลีบออกเล็กน้อยไม่

แนบสนิทอย่างเคย แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา ปัญหาอยู่ตรงที่เอไม่อาจลืมเลือนเหตุการณ์วันนั้น

เธอยังคงจำฝังแน่นในความรู้สึก
คืนนั้นเธอเข้านอนด้วยความรู้สึกปั่นป่วยสับสนเหมือนกันคืนก่อนๆหลังจากผ่าน

เหตุการณ์วันนั้นมา
วันนั้น วันที่พวกมันทั้ง 6 คน ทำกับเธอทุกช่องทุกทางที่พวกมันจะเสือกไสท่อนเนื้อเข้าใส่

พวกมันรุมฟัดเฟ้นเคล้นเนื้อหนังขอเธอจนพกช้ำดำเขียวไปทั่วตัว พวกมันรุมกิน… รุมแทะ

…เหมือนกระเดือก กลืนเธอเข้าไปทั้งร่างและทิ่มแทงกระเด้งร่องหลืบเธอจนเปียกแฉะ

เลอะน้ำขาวคาวใส่ใคร่ไปทั่ว เธอยับ…เธอเยิน…ปลิ้นปลอกถลอกจนแสบระบมหุบขา

ไม่ลงไปหลายวัน
เธอยังจำสภาพของเธอเมื่อสองทุ่มวันนั้นได้ ที่เธอต้องเดินโขยกเขยกตุปัดตุเป๋ ด้วยความ

ระบมระโหยโรยแรงเพราะพวกมันเสพสุขกับร่างของเธอตั้งแต่เช้ามืดแทบไม่ได้หยุดพัก

ยังดีที่พวกมันมีกระจิตกระใจ หาข้าวปลาอาหารให้ ไม่งั้นเธอคงขาดใจตายไปแล้วก็ได้

สภาพเธอในคืนนั้น หลังจากที่พวกมันช่วยหิ้วปีกประคองมาส่งที่เขตรั้วมหาวิทยาลัยไม่ผิด

อะไรไปจากลูกนกตกน้ำเพราะเนื้อตัวเปียกปอนเปื้อนเปรอะไปด้วยดินโคลน ดีที่ไม่มีใคร

เห็นเธอตอนแอบเข้าหอพัก
เหตุการณ์ที่ผ่านมาของเธอมันเปรียบเสมือนฝันร้ายกระนั้นหรือ…เธอตอบตัวเองไม่ได้

ว่าใช่หรือไม่ เอรู้แต่ว่าหลายวันมานี้ เวลาที่เธอคิดถึงเรื่องนี้ที่ไรร่องเนื้อของเธอจะขมิบ

ขับน้ำเมือกเอ่อเยิ้มไปทุกที
อาทิตย์ต่อมา…
“ หลินจ๊ะ…เช้าๆ เธอยังไปวิ่งแถวสวนยางอยู่หรือเปล่า “ เพื่อนร่วมห้องหอของเธอถามขึ้น

มาในเช้าวันหนึ่ง ขณะที่เธอกำลังสวมเสื้อกล้ามแบบนักบาสเก็ตบอล
“ ไปสิ…ทำไมหรือ” หลินตอบโดยไม่หันมามอง เพราะเธอกำลังกมดึงรั้งกางเกงผ้าร่มขาสั้น

ที่สั้นจนเผยแก้มก้นรำไร เมื่อเธอดึงรั้งมันสูงขึ้น
“ เธอไม่ได้ยินข่าวลือ เรื่องผีผู้หญิงแถวนั้นบ้างเลยเหรอ…” เพื่อนของเธอลุกจากเตียง

นอนลากเก้าอี้เข้ามานั่งข้างเธออย่างเป็นงานเป็นการ
“ ไม่เคยได้ยินเลยนี่ ใครบอกเหรอ “ หลินยกขาข้างหนึ่งขึ้นวางลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่อง

แป้งจับปลายเชือกรองเท้าผูกไขว้ทบกันไว้ ในขณะที่เธอก้มผูกเชือกรองเท้าเต้าอวบใหญ่ก็

โชว์ให้เห็นเกือบทั้งเต้าเมื่อแขนเสื้อกล้ามทิ้งตัวลง
“ ก็พี่แว่นชมรมอาสา น่ะสิ แกบอกว่าเมื่ออาทิตย์ก่อนแกไปวิ่งแถวสวนยางตอนเช้ามืด แล้ว

ได้ยินเสียงครวญ ครางเบา ๆ ของผู้หญิง คล้ายๆ จะเจ็บปวดทรมาน ถามชาวบ้านที่เดินผ่าน

มาทางท้ายสวนเขาก็บอกว่าไม่ได้ยินอะไร รู้แต่ว่าเคยมีผู้หญิงตายทั้งกลมในสวนเมื่อไม่

นานมานี้ “ เพื่อนของหลินเล่าออกอาการท่าทางตื่นเต้นจนหลินอดขำไม่ได้
“ เหรอ…แล้วชาวบ้านที่บอกเป็นใครละ…” หลินหันกลับมากอดอก เอียงคอถาม

เพื่อนสาวยิ้มๆ
“ จริงๆ นะ…ตอนแรกที่พี่แว่นมาเล่าให้ฟังก็ไม่มีใครเชื่อเหมือนกัน พี่แว่นเลยพาไปหา

ชาวบ้านคนนั้นให้ช่วยยืนยัน รุ้สึกจะชื่ออำนาจ อะไรนี้ละ ตอนหลังนี้จึงไม่มีใครกล้าไปวิ่ง

แถวนั้นตอนเช้ามืดอีก” เพื่อนสาวเธอพูดเร็วปรื๋อและจริงจังเพราะเกรงว่า หลิน จะว่าเธอ

งมงายไร้สาระ
“ ฉันเชื่อเธอจ้ะ…เอาเถอะฉันจะเปลี่ยนเส้นทางวิ่งขอบใจนะที่บอก “ พูดจบหลินก็ ก้าว

พ้นประตูไปไม่ทันฟังคำเพื่อนที่พูดต่อมา
“ เดี๋ยว…เดี๋ยว…ว้า…ไปซะแล้ว กำลังจะถามอยู่เชียว ว่าจะวิ่งทั้งๆ ที่ไม่ใส่ชุดชั้นใน

อย่างนี้น่ะเหรอ…” เพื่อนของเธอพึมพำกับตัวเองอย่างไม่เข้าใจ ว่าทำไมเพื่อนสาวที่สุด

แสนจะขี้อายไม่กล้าแม้แต่จะแก้ผ้าอาบน้ำกับเพื่อนหญิงด้วยกัน กลับกลายเป็นหญิงที่แต่ง

ตัวยั่วยวนอวดโฉมโพยมเนื้อขนาดนี้
สำหรับ หลินพอพ้นห้องก็รำพึงในใจ…
“ ขอโทษนะจ๊ะ เพื่อน ที่โกหกว่า จะเปลี่ยนเส้นทางวิ่ง เส้นเดิมมันก็ดีอยู่แล้วรู้มั๊ย เพราะ

เส้นทางนี้แหละที่ทำให้ฉันสามารถรับท่อนเนื้อของชายทีเดียวพร้อมๆกัน สามคน สาม

ช่องทาง และวันนี้ฉันก็ตั้งใจไว้แล้วว่า จะลองดูว่าไอ้วิธีสองท่อนในหนึ่งช่องทางจะให้

ความรู้สึกอย่างไร ยังไงวันนี้ก็ต้องลองดูให้ได้”
เท้าเร็วเท่าความคิดเธอออกวิ่งตรงดิ่งไปยังท้ายสวนยาพาราทันที เช้านั้นหากใครย่างกราย

ผ่านไปตามเส้นทางนั้นก็อาจจะได้ยินเสียงของนางพรายกำลังครวญครางระงม เพราะต้อง

ต่อสู้กอดรัดฟัดเหวี่ยงกับอสูร นับสิบตน เป็นการต่อสู้ที่ไม่มีวันจะจบสิ้นง่ายๆ เพราะเป็น

การต่อสู้ที่มนุษย์ทุกคน พึงปารถนาด้วยกันทั้งนั้น
“ โอ๊ว…โอว…แรงเข้า…แรงอีก…ไม่ต้องกลัวฉัน…แหก…โอ๊ว…โอว…

ดี…ดีจ้ะ…” วันนั้นทั้งวันเสียงครวญครางของนางพรายแว่วมาตามสายลมแผ่วๆ ที่พัด

ผ่านสวนยาพาราแห่งนั้นไม่มีกยุดหย่อน นั่นแหละเสียงครวญครางจากปีศาจที่ได้ถูกบันทึก

ไว้ในไดอารี่สีชมพู อันเป็นตำนานแห่งหุบเขาคอหงส์